จีนเป็นชาติเดียวที่โต้กลับสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าสูงถึง 125% หลังประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ใช้กำแพงภาษีเล่นงานนานาประเทศ ในเวลาเดียวกันรัฐบาลก็ประกาศ “กฎหมายส่งเสริมภาคเอกชน” ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ 20 พ.ค. 2568 นี้ พร้อมกับออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ที่จะช่วยเหลือทั้งการเงิน การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จีนและหนุนภาคธุรกิจ SMEs
สัญญานที่จีน “พลิกเกม” เพื่อต่อสู้กับสงครามการค้าสหรัฐฯ เห็นได้จากการที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง พบกับผู้นำระดับสูงของบริษัท Big Tech ก่อนการประชุมสองสภาฯ ที่ผ่านมา พร้อมให้ความเห็นชอบกับหลายนโยบายเพื่อส่งเสริมภาคเอกชนให้เติบโต
โสภิต หวังวิวัฒนา ชวน ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน มาวิเคราะห์ว่า บทบาทภาครัฐของจีนจากการเมืองนำเศรษฐกิจจะเปลี่ยนไปมากน้อยเพียงใด เมื่อเปิดโอกาสปูทางให้เอกชนแข็งแกร่งขึ้นเพื่อแข่งขันกับรัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจจะเป็น “หมาก” และแต้มต่อที่สำคัญเพียงใดในศึกสงครามการค้ากับสหรัฐฯ