
24 ตุลาคม ค.ศ. 1946 จรวดมิสไซส์ลำหนึ่งถูกปล่อยขึ้นฐานปล่อยมิสไซส์ไวท์แซนส์ (White Sands Missile Range) รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา พุ่งทะยานไปถึงระดับความสูง 104 กิโลเมตร หรือ 4 กิโลเมตรเหนือเส้นคาร์แมน ซึ่งเป็นเส้นเขตแดนระหว่างบรรยากาศและอวกาศ ก่อนที่จะดิ่งตัวกลับลงมายังพื้นโลก
จรวด V-2 ถูกนำมาทดสอบครั้งแรกในสหรัฐฯ ที่แหลมคะแนเวอรัล รัฐฟลอริดา เมื่อเดือนกรกฎาคม 1950
นี่คือ จรวด V-2 ขีปนาวุธล้ำสมัยสัญชาติเยอรมัน ที่วิจัยและผลิตขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ครั้งหนึ่งเคยถูกนำไปใช้ถล่มกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร จนกลายเป็นที่เลื่องลือ ภายหลังการสิ้นสุดสงคราม สหรัฐอเมริกาได้ยึดจรวด V-2 วัสดุผลิตที่ยังไม่ถูกใช้งาน รวมไปถึงทีมนักวิจัยผู้พัฒนา กลับไปยังประเทศเพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพต่อ
แม้การปล่อยจรวดมิสไซส์อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่แล้วในกลางทศวรรษที่ 1950 แต่ความพิเศษของการทดลองที่เกิดขึ้นในไวท์แซนส์ คือ จรวดที่ถูกปล่อยขึ้นไปภายใต้โค้ดเนม V-2 No. 13 ได้ติดตั้งกล้องถ่ายภาพเคลื่อนไหวขาวดำ DeVry 35mm เพื่อถ่ายภาพผืนโลกเบื้องล่างจากห้วงอวกาศในระหว่างเที่ยวบินของจรวด
ทดสอบจรวด V-2 ที่ฐานปล่อยมิสไซส์ไวท์แซนส์ ถูกบันทึกเป็นภาพเคลื่อนไหวขาว-ดำ
หลังจากจรวดกลับลงมายังโลก ทีมงานของภารกิจนี้ได้เดินทางไปยังจุดที่จรวดตกเพื่อเก็บกู้ฟิล์มภาพถ่ายกลับมาประมวลผล เหล่านักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยต่างตื่นเต้นอย่างมาก เมื่อพวกเขาได้เห็นภาพถ่ายจากจรวดเป็นครั้งแรก เป็นที่เล่ากันว่า พวกเขากระโดดไปมาอย่างมีความสุข ถึงแม้ภาพถ่ายจะเป็นเพียงแค่ภาพถ่ายขาวดำมัว ๆ จากฟิล์ม 35 มิลลิเมตร ที่ยังไม่ได้ถูกพัฒนาจนคมชัดเท่าในปัจจุบัน บันทึกได้เพียงเส้นโค้งมนเล็กน้อยของโลก และกลุ่มเมฆสีเทาสว่างล่องลอยอยู่เหนือผืนดินของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ได้ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์มนุษย์อย่างถาวรในฐานะภาพถ่ายภาพแรกของมนุษย์ที่ถูกถ่ายในอวกาศ
การทดลองจรวดครั้งถัด ๆ มาในช่วงหนึ่งทศวรรษที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นจนถึงช่วงต้นของโครงการเมอร์คิวรี (Mercury) ที่สหรัฐอเมริกา ส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศเป็นครั้งแรก เริ่มมีการติดตั้งกล้องถ่ายภาพไปกับตัวจรวดอยู่ในหลายภารกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม กล้องที่ติดขึ้นไปมักเป็นเพียงกล้องขนาดเล็กที่ติดไว้นอกตัวยานเพื่อเก็บข้อมูลภาพถ่ายสำหรับงานทางวิทยาศาสตร์เป็นส่วนใหญ่
ภาพถ่ายภาพแรกจากในอวกาศที่มนุษย์เป็นคนถ่าย เกิดขึ้นในภารกิจเฟรนด์ชิพ 7 (Friendship 7) ของจอห์น เกลน (John Glenn) ที่นาซาได้ให้เขานำกล้องถ่ายภาพขนาดเล็กติดไม้ติดมือไปกับภารกิจด้วย
จอห์น เกลน ขณะทำภารกิจ Friendship 7 และ กล้อง Ansco Autoset ที่เขานำขึ้นอวกาศไปด้วย
ก่อนที่นักบินอวกาศวอลเตอร์ เชียร์ร่า (Walter Schirra) นำกล้องถ่ายภาพระดับมืออาชีพอย่าง Hasselblad 500C ขึ้นไปกับเขาในภารกิจซิกมา (Sigma 7)
วอลเตอร์ เชียร์ร่า กำลังถือกล้อง Hasselblad 500C
ในยุคของการสำรวจดวงจันทร์ กล้องถ่ายภาพได้กลายเป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่มีความสำคัญมากขึ้นตามกาลเวลา นอกจากบทบาทของการเก็บข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แล้ว ภาพถ่ายที่ได้ออกมายังถูกนำไปใช้สำหรับการประชาสัมพันธ์การสำรวจอวกาศต่อสาธารณชน เพื่อเพิ่มการยอมรับในการใช้ภาษีกับเรื่องดังกล่าว และเป็นอุปกรณ์สำหรับโฆษณาชวนเชื่อในระหว่างสงครามเย็น
ติดตามประวัติศาสตร์ยุครุ่งอรุณของการถ่ายภาพในอวกาศ ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงช่วงปลายภารกิจอะพอลโลได้ใน Starstuff เรื่องเล่าจากดวงดาว ตอน "กล้องถ่ายภาพบนดวงจันทร์"