
กลางเดือนกันยายนปี 2017 ยานแคสสินีได้จากเราไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ หลังจากได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของมนุษยชาติไปสำรวจยังดินแดนอันห่างไกลที่ถูกเรียกว่าดาวเสาร์อย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2004 รวมทั้งสิ้นกว่า 13 ปี และส่งข้อมูลอันมีค่าของดาวเคราะห์วงแหวนดวงนี้และระบบนิเวศโดยรอบมาเป็นจำนวนมหาศาล
13 กันยายน 2017 แคสสินีบินผ่านดวงจันทร์ไททัน ดวงจันทร์บริวารที่ใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์และที่พักผ่อนของยาน lander คู่หูที่เดินทางมาด้วยกันอย่างไฮเกนส์ ที่แยกตัวจากยานแคสสินีไปในปี 2004 ก่อนปฏิบัติหน้าที่จนเสร็จสิ้นไปในปี 2005 เป็นครั้งสุดท้าย การจากลาครั้งนี้ยานแคสสินีได้ถ่ายรูปของดวงจัทร์ไททันอย่างเลือนลางกลับมารูปหนึ่ง นาซ่าเรียกภาพถ่ายนี้ว่า Goodbye Kiss หรือจูบอำลา
"Goodbye Kiss" ภาพของดวงจันทร์ไททันที่บันทึกโดยยานแคสสินี
(NASA/JPL-Caltech/Space Science Institute)
หลังจากบอกลาไททัน แคสสินีได้ถ่ายภาพมุมใกล้ของดวงจันทร์เอนเซลาดัส อันเป็นดวงจันทร์บริวารที่น่าพิศวงและน่าหลงใหลที่สุดดวงหนึ่งของดาวเสาร์ และถ่ายภาพมุมใกล้ของดาวเสาร์และวงแหวนอันมหึมาของมัน จากระยะประมาณล้านกิโลเมตรจากดาวเสาร์ ยานนักสำรวจลำนี้จะค่อย ๆ ถูกแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลของดาวเสาร์ดึงเข้าไปด้วยความเร็วที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
ภาพมุมใกล้ของดวงจันทร์เอนเซลาดัส (ซ้าย) ภาพมุมใกล้ของดาวเสาร์และวงแหวนของดาวเสาร์ (กลาง - ขวา)
(NASA/JPL-Caltech/Space Science Institute)
15 กันยายน 2017 คือวันสุดท้ายของแคสสินี ยานลำนี้ได้ถ่ายภาพพื้นพิภพเบื้องล่างอันเป็นสุสานของมัน ภาพดังกล่าวคือภาพความละเอียดสูงสุดท้ายที่มนุษย์จะได้เห็นจากยานอวกาศลำนี้ แต่ถึงอย่างนั้น แคสสินียังได้ใช้แรงเฮือกสุดท้ายในการส่งภาพ thermal infrared ความยาวคลื่น 5 ไมครอน ที่ถูกบันทึกด้วยอุปกรณ์ Spectrometer ของยาน ซึ่งกลายเป็นข้อมูลชั้นบรรยากาศของดาวเสาร์ที่ใกล้ที่สุดในประวัติศาสตร์จนถึงในปัจจุบัน
ภาพสุดท้ายจากยานแคสสินีก่อนที่จะเดินทางเช้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาวเสาร์
(NASA/JPL-Caltech/Space Science Institute)
ชีวิตของแคสสินีจบลงที่ละติจูดที่ 9.4 องศาเหนือ ลองติจูดที่ 53 องศาตะวันตก ของดาวเคราะห์ดวงที่ 6 ของระบบสุริยะ เศษซากของมันถูกเผาไหม้บนชั้นบรรยากาศ เพื่อปกป้องดาวเคราะห์ดวงนี้จากการปนเปื้อนสิ่งที่อาจติดไปจากโลก และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของผืนพิภพที่มันเฝ้าสำรวจมานานกว่าทศวรรษ
นาซ่าเรียกช่วงเวลาสุดท้ายของยานลำนี้ว่า "The Grand Finale" หรือ "ฉากจบอันยิ่งใหญ่" ซึ่งก็เหมาะสมกับภารกิจอันใหญ่ยิ่งของมันแล้วไม่น้อย พลบค่ำของคืนนั้น ตามเวลาประเทศไทย โครงการ Cassini ได้ทำการทวีตข้อความผ่านทาง Twitter เป็นการบอกลาว่า “ทุกครั้งที่เรามองเห็นดาวเสาร์ในยามค่ำคืน เราจะจดจำ เราจะยิ้ม และซักวันหนึ่ง… เราจะกลับไปที่นั่นอีกครั้ง”
การมองยานอวกาศแคสสินีเป็นเหมือนเพื่อนนักสำรวจคนหนึ่งที่มีชีวิต มีเรื่องราว ไม่ใช่เพียงแค่ยานสำรวจโลหะลำหนึ่งที่ถูกส่งไปจากโลก ได้ทำให้การจากไปของมันเป็นหนึ่งในวาระที่น่าติดตรึงครั้งหนึ่งประวัติศาสตร์ภารกิจการสำรวจอวกาศ นอกจากแคสสินีแล้วการกล่าวถึงยานอวกาศในฐานะเสมือนมนุษย์ยังได้เกิดขึ้นกับภารกิจอวกาศอีกไม่น้อยโดยเฉพาะกับยานอวกาศหุ่นยนต์อย่าง Oppotunity โรเวอร์สำรวจดาวอังคาร หรือ Rosetta-Philae ยานสำรวจดาวหางจากฝั่งยุโรป ติดตามเรื่องราวของโครงการเหล่านี้ และการเรียกมันในฐานะ "น้อง" ได้จาก Starstuff เรื่องเล่าจากดวงดาวตอน "บุคลาธิษฐานของ "น้อง" ยานอวกาศ