
ร่างทรงองค์เควียร์ หรืออาชีพนอกกระแสที่อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่นัก เพราะเมื่อพูดถึงอาชีพ “ร่างทรง” ผู้คนมักจะนึกถึงสื่อกลางในการติดต่อกับเทพ วิญญาณ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ที่เป็นเพศชายหรือเพศหญิง แต่อาชีพนี้เองกลับแสดงให้เห็นถึงพื้นที่ทางจิตวิญญาณที่ไม่ได้หายไปจากสังคมไทยและอุษาคเนย์ เพราะมีกลุ่มคนใหม่ ๆ เข้ามาสร้างแรงขับเคลื่อนในพื้นที่เหล่านี้มากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะเกย์ กะเทย และหญิงข้ามเพศ
ร่างทรง LGBTQ+ ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์
แม้ว่าในสังคมไทยสมัยใหม่ กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ถูกยอมรับมากขึ้น ทำให้พวกเขาได้เป็นตัวของตัวเอง และประกอบอาชีพที่ได้เลือกด้วยตัวเอง แต่การเป็นร่างทรง ซึ่งเป็นอาชีพที่เชื่อมโยงระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณเข้าด้วยกันสำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ ยังคงถูกมองว่าล้าหลังและหลอกลวงผู้คน เนื่องจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อีกทั้งยังถูกตีตราจากคนในสังคมเพียงเพราะมีอัตลักษณ์ทางเพศที่ไม่ตรงตามกระแสหลักของสังคม ทำให้การมีอยู่ของพวกเขาถูกมองข้ามและบทบาทน้อยลง อีกทั้งยังถูกมองว่าอาชีพนี้เป็นส่วนที่ทำให้สังคมไม่ก้าวหน้า แต่ในทางกลับกัน กลุ่มคนเหล่านี้สามารถทำหน้าที่ได้มากกว่าการเป็นตัวแทนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะพวกเขาสามารถให้คำปรึกษา เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ และเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับผู้คนในสังคมได้เป็นอย่างดี
จากบทความ การใช้ประโยชน์โซเชียลมีเดียแบบคอนเวอร์เจนซ์ของร่างทรงและผู้ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นเกย์และหญิงข้ามเพศในช่วงแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวารสารวิชาการมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เห็นได้ว่า ร่างทรง LGBTQ+ ได้ปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยี อย่างการใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างกลุ่มผู้ศรัทธา อีกทั้งยังมีการทำกิจกรรมทางด้านความเชื่อผ่านระบบออนไลน์ และปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของอาชีพนี้ ทำให้พวกเขาเป็นส่วนสำคัญที่สามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการสื่อสารข่าวสารต่าง ๆ ทั้งให้คำปรึกษาและให้ความรู้ เช่น ช่วงแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านมา พวกเขาได้ให้แนวทางด้านการป้องกันและรักษาโรค รวมทั้งให้ข้อมูลทางด้านสุขภาพอื่น ๆ ที่เห็นได้จากการที่กลุ่มผู้ศรัทธาเลือกปรึกษาและเชื่อข่าวสารจากพวกเขาเป็นหลักสำคัญ
งานวิจัยในหนังสือ ร่างทรงเกย์ หมอดูกะเทย สบงหลากสี ความหลากหลายทางเพศในศาสนาและพิธีกรรมสมัยใหม่ (2567) โดย นฤพนธ์ ด้วงวิเศษ, ปีเตอร์ เอ. แจ็คสัน และ วิศิษย์ ปิ่นทองวิชัยกุล
นอกจากร่างทรงองค์เควียร์จะส่งผลในเชิงบวกให้กับสังคมแล้ว อาชีพนี้ก็ยังเป็นส่วนสำคัญให้กับกลุ่มคน LGBTQ+ ได้ประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเอง เพราะในบางครอบครัวมีการส่งต่ออาชีพนี้จากรุ่นไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ทำให้พวกเขาต้องยึดอาชีพนี้เป็นหลัก อีกทั้งความเชื่อในร่างทรงยังเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนาน โดยเห็นได้จาก "ม้าขี่ปู๊เมีย" ร่างทรง LGBTQ+ ในสังคมล้านนา ซึ่งเป็นตัวกลางในการสื่อสารเชื่อมโยงระหว่างผีกับคนธรรมดาเข้าด้วยกัน โดยส่วนใหญ่แล้วผู้คนมักจะนิยมเข้ามาปรึกษาปัญหาชีวิต เช่น อาการเจ็บป่วย เงินทอง ฯลฯ ทำให้การมีอยู่ของพวกเขาเป็นส่วนสำคัญในการเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับชาวบ้านในชุมชนแถบนั้น
การมีอยู่ของร่างทรงองเควียร์ แม้ว่าจะเป็นอาชีพที่ดูล้าหลังและยังไม่ถูกยอมรับอย่างกว้างขวางจากสังคมไทย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกเขาพยายามปรับตัวให้เข้ากับความทันสมัยอยู่เสมอ อีกทั้งพยายามเป็นกระบอกเสียงในการแจ้งข่าวสารให้กับคนในสังคม ดังนั้นหากมีใครสักคนเริ่มเข้าใจการมีอยู่ของพวกเขาก็สามารถช่วยให้คนเหล่านี้ประกอบอาชีพร่างทรงเพื่อเลี้ยงปากท้องต่อไปได้
เขียนโดย ธัญภัค พงษ์ไพจิตร
ฟังรายการได้ทาง