
9 พฤษภาคม 2565 เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศฟิลิปปินส์ ที่มีการจัดการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ในที่สุดผลการเลือกตั้งครั้งนี้ นายแฟร์ดีนันด์ โรมูอัลเดซ มาร์กอส จูเนียร์ (Mr. Ferdinand Romualdez Marcos, Jr.) หรือที่รู้จักในชื่อ “บองบอง มาร์กอส (Bongbong Marcos)” ลูกชายของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 17 ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นระยะเวลา 6 ปี และตามวาระจะสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียง 1 วาระเท่านั้น ภายหลังพิธีร่วมสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ฝ่ายค้านได้ตั้งคำถามถึงการกลับมาครั้งนี้ต่อแนวโน้มการปกครองประเทศและการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของตระกูลมาร์กอส
เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส อดีตผู้นำเผด็จการถึงแก่อสัญกรรมในวัย 72 ปี เคยชนะการเลือกตั้งและปกครองฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508-2529 กลายเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์คนแรกที่ดำรงตำแหน่งติดต่อกันรวมระยะเวลายาวนานถึง 21 ปี ด้วยการกำจัดผู้เห็นต่างและกระทำการทุจริต ก่อให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะในประเทศจำนวนมหาศาล จนถึงจุดแตกหักที่นำไปสู่การปฏิวัติพลังประชาชน (People Power Revolution) หรือการปฏิวัติเอ็ดซา (EDSA Revolution) จากขบวนการต่อต้านเพื่อประท้วงการทำงานของมาร์กอส ขบวนการต่อต้านนี้เกิดขึ้นจากการผสานความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างประชาชน ศาสนจักร และกองทัพ ที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน จนตระกูลมาร์กอสต้องลี้ภัยไปเกาะฮาวาย พร้อมสินทรัพย์จากการคอร์รัปชันมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พลังของประชาชนที่ร่วมกันต่อต้านและลงถนนในครั้งนั้น ทำให้ถนนเอ็ดซา (EDSA) กลายเป็นถนนประวัติศาสตร์ที่บันทึกการต่อสู้เรียกร้องของประชาชนฟิลิปปินส์ และได้รับการยอมรับจากแวดวงสิทธิมนุษยชนสากลว่า “การต่อสู้เรียกร้องของประชาชนฟิลิปปินส์เป็นชัยชนะที่แท้จริงของประชาชน”
ภาพถ่ายเหตุการณ์การปฏิวัติพลังประชาชนฟิลิปปินส์
อนุสาวรีย์พลังประชาชนเอ็ดซา
วันนี้นามสกุลมาร์กอสกลายเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง หลัง “เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์” หรือ “บองบอง” วัย 64 ปี บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตผู้นำเผด็จการสามารถคว้าชัยชนะ ประชาชนชาวฟิลิปปินส์จำนวนไม่น้อยต่างรำลึกถึงอิทธิพลของนายมาร์กอสจากเหตุการณ์โหดร้ายทารุณในอดีต และในช่วงที่มาร์กอสบังคับใช้กฎอัยการศึก มีรายงานการประเมินว่าช่วงเวลานั้นมีคนเสียชีวิตมากกว่า 3,000 คน มีคนถูกซ้อมทรมานกว่า 70,000 คน และมีรายงานคนถูกบังคับให้สูญหายมากถึง 700 คน
ระยะเวลา 6 ปีต่อจากนี้ที่มาร์กอส จูเนียร์ ครองบัลลังก์จึงน่าจับตาว่า ประธานาธิบดีคนใหม่นี้จะทำตามสัญญาได้ทุกข้อหรือไม่ เหตุการณ์ทุจริตคอร์รัปชันจะถูกกำจัดหรือลดลงได้อย่างไร และสถานการณ์การเมืองภายในฟิลิปปินส์หลังจากนี้จะนำพาประชาชนและประเทศไปในทิศทางใด
เรียบเรียงโดย ปิยณัฐ อิสสอาด