เนื่องในโอกาส "Pride Month" หรือ "เดือนไพรด์" เดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIAN+) ทั่วโลกจะจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลไพรด์นี้ตลอดเดือนมิถุนายนของทุกปี แม้ว่าในปัจจุบันการยอมรับความแตกต่างของรสนิยมทางเพศที่ไม่ตรงกับเพศสภาพมีเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่กว้างขวางและทั่วถึง คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยออกมาเคลื่อนไหวในประเด็นสิทธิความเท่าเทียม การมีอยู่ และตัวตนของพวกเขา เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจความแตกต่างหลากหลายทางเพศและการยอมรับจากสังคม
ไทยพีบีเอสพอดคาสต์ ชวนอ่านบทความเกี่ยวกับระบอบการปกครองแบบอำนาจเผด็จการจากการทำงานของฟาสซิสม์
“ฟาสซิสม์” (Fascism) เป็นลัทธิและอุดมการณ์ความเชื่อทางการเมืองที่ให้ความสำคัญกับชาติ อำนาจนิยม เชื่อว่าบุรุษเป็นผู้กุมอำนาจสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ มีบทบาทเป็นผู้ปกป้องสตรีและผู้อ่อนแอกว่า และเชื่อมั่นในสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็งว่าต้องประกอบด้วยชาย-หญิง เป็นหลัก ดังนั้น “กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ” หรือ “LGBTQIAN+” จึงถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและการดำรงอยู่ของสถาบันครอบครัวตามจารีตเดิม ก่อให้เกิดความวิตกกังวลใจและความหวาดกลัว เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของบุรุษ
“ปรากฏการณ์เลี้ยวขวาเรื่องเพศ” จึงกลายเป็นการนิยามและให้ความหมายกับกลุ่มที่มีความคิดแบบฟาสซิสม์ว่ามีแนวโน้มไปทางอนุรักษ์นิยม ซึ่งนำมาสู่ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายอำนาจนิยม (ฝั่งขวา) กับฝั่งเสรีประชาธิปไตย (ฝั่งซ้าย) เพราะขบวนการฝ่ายขวาของฟาสซิสม์นั้นได้รับอิทธิพลจากผู้นำหรือผู้มีอำนาจ และต่อต้านการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี
ดร.ธนเชษฐ วิสัยจร หัวหน้าสาขาวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผู้แปลหนังสือ “นี่แหละฟาสซิสม์” หรือ “How Fascism Works” (ซึ่งเขียนโดย เจสัน สแตนลีย์ ศาสตราจารย์ด้านปรัชญาจากมหาวิทยาลัยเยล ผู้วิเคราะห์กลไกความเชื่อของฟาสซิสม์ยุคใหม่) กล่าวว่า ผู้ที่เชื่อตามแนวคิดนี้ นอกจากจะให้ความสำคัญกับสังคมที่มีเพียงสองเพศ คือ ชายกับหญิง แล้วยังไม่อาจยอมรับการแต่งงานหรือการสืบทอดข้ามเผ่าพันธุ์ได้โดยเฉพาะกลุ่มที่ด้อยกว่า
“ประการแรก ฟาสซิสม์เกรงกลัวการปนเปื้อนของชาติพันธุ์ที่ด้อยกว่าและระมัดระวังความบริสุทธิ์ของชาติพันธุ์ในเชื้อชาติของตน ส่วนประการที่สอง ฟาสซิสม์เชื่อแค่เพศชายกับหญิง ส่งเสริมให้มีการสืบพันธุ์และมีลูกมีหลานให้ได้มากที่สุด ผู้หญิงมีหน้าที่ตั้งครรภ์แล้วเลี้ยงลูก ผู้ชายมีหน้าที่สืบพันธุ์ เมื่อเราพูดถึงเรื่องการสืบพันธุ์มันก็จะนำมาสู่การมองสองเพศ คือ เพศชายกับเพศหญิง”
บรรยากาศอุโมงค์สีรุ้ง จาก MRT สถานีสามย่าน-อุโมงค์เชื่อมมิตร สามย่านมิตรทาวน์ (มิ.ย. 2564)
ฟาสซิสม์จะไม่เปิดพื้นที่ให้กับเรื่องเล่าชุดต่าง ๆ หรือการแสดงความคิดเห็นใด ๆ ที่ขัดแย้ง ไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้นำหรือผู้มีอำนาจ ใช้การโฆษณาชวนเชื่อกล่อมเกลาความคิดผู้คนให้คล้อยตาม กีดกันการแสดงความเห็นของปัญญาชนในสถาบันการศึกษา ไม่ส่งเสริมให้เกิดการตั้งคำถาม และไม่ให้มีการถกเถียงทางวิชาการ วิธีคิดและการเมืองแบบฟาสซิสม์จึงเป็นการปกครองระบอบเผด็จการที่เข้มงวด ผู้นำหนึ่งคนรวบอำนาจทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไว้ทั้งหมด ใช้โวหารปลุกระดมกระตุ้นความหวาดกลัวและสร้างความชิงชังเพื่อเป็นเครื่องมือปลุกปั่นสร้างความแตกแยก รวมถึงไม่ยอมรับความเห็นความคิดหรือความเชื่อที่แตกต่างไปจากหมู่พวกของตัวเอง
"ขบวน Pride นักเรียน" ในนาม "กลุ่มนักเรียนเลว" กระทรวงศึกษาธิการ กทม. (ก.ค. 2563)
แนวความคิดแบบฟาสซิสม์นี้ ยังคงแทรกซึมอยู่ในหลายสังคม แม้กระทั่งประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงไม่แปลกใจที่เราจะเห็นข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มสนับสนุนสิทธิเสรีภาพออกมาแสดงออกผ่านการชุมนุมประท้วง เดินขบวนรณรงค์ เรียกร้องให้ยอมรับความแตกต่างหลากหลายโดยเฉพาะเรื่องรสนิยมทางเพศ เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงตัวตนและมีพื้นที่ยืนในสังคมด้วยความเข้าใจและเป็นมิตร นั่นเป็นเพราะส่วนหนึ่งจากแรงกดทับของวิธีคิดแบบฟาสซิสม์ที่ยังหลงเหลือและส่งผลต่อค่านิยมความเชื่อที่เป็นแบบแผนดั้งเดิม
[*] LGBTQIAN+ (แอล-จี-บี-ที-คิว-ไอ-เอ-เอน-พลัส) เป็นอักษรย่อที่มาจากคำว่า L - Lesbian (เลสเบี้ยน): ผู้หญิงที่รักผู้หญิง, G - Gay (เกย์): ผู้ชายที่รักผู้ชาย, B - Bisexual (ไบเซ็กชวล): ชายหรือหญิงที่มีความรักกับเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้าม, T - Transgender (ทรานส์เจนเดอร์): ผู้ที่เปลี่ยนแปลงเพศสภาพของตนไปเป็นเพศตรงข้าม, Q - Queer (เควียร์): ผู้ที่ไม่จำกัดตนเองเป็นเพศใด ๆ และไม่เกี่ยวกับเพศสภาพ, I - Intersex (อินเตอร์เซ็กส์): ผู้ที่มีเพศกำกวม, A - Asexual (เอเซ็กชวล): ผู้ที่ไม่ฝักใฝ่ทางเพศ, N - Non-Binary (นอนไบนารี่): ผู้ที่ไม่ต้องการระบุเพศสภาพของตนว่าเป็นชายหรือหญิง และ (+) ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศอื่น ๆ
เรียบเรียงโดย ปิยณัฐ อิสสอาด
รับฟังรายการได้ทาง
