
"ผู้บริโภคไทยจ่ายค่าไฟฟ้าแพง" จากสภาพอากาศในประเทศไทยช่วงเดือนเมษายนที่มีความร้อนมากกว่าช่วงอื่น ๆ สภาพอากาศแบบนี้มีส่วนไหม เมื่อร้อนมากก็เปิดเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมมากขึ้น จึงทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟมากขึ้น อะไรคือสิ่งที่คนไทยควรรู้เกี่ยวกับค่าไฟฟ้าในที่อยู่อาศัย รวมถึงกิจการร้านค้า
เหตุผลที่ค่าไฟฟ้ายังไม่ถูกจริงอย่างที่ควรจะเป็น
คณะอนุกรรมการด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) ได้ศึกษาสถานการณ์ปัญหาราคาพลังงานของประเทศและเผยแพร่ในเว็บไซต์ พบว่า ปัญหาค่าไฟฟ้าแพงของไทยไม่ได้มีปัจจัยจากภาวะสงครามหรือราคาก๊าซธรรมชาติขยับสูงขึ้น แต่ยังมีเหตุผลที่ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชน ดังนี้
- การวางแผนผลิตพลังงานไฟฟ้าที่คำนึงถึงความมั่นคงทางด้านพลังงานเกินความจำเป็นและเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนธุรกิจพลังงานไฟฟ้าเกินควร ส่งผลให้เกิดปัญหาปริมาณสำรองไฟฟ้าที่มากเกินจำเป็น หรือมีโรงไฟฟ้าในระบบล้นเกินความต้องการ สังเกตได้จากปัจจุบันประเทศไทยมียอดกำลังผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 46,163.4 เมกะวัตต์ และจากยอดใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่เกิดขึ้นในแต่ละปีนับแต่ปี 2562–2565 มีเพียงปีละประมาณ 30,000 เมกะวัตต์ เท่านั้น หรือมีปริมาณเกินไปปีละ 10,000 เมกะวัตต์ ซึ่งมีกำลังการผลิตสำรองสูงถึง 50% ขณะที่กำลังการผลิตและสำรองไฟฟ้าของประเทศควรอยู่ที่ประมาณ 15% เท่านั้น
- โรงไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPPs) หรือผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่จาก 8 ใน 12 แห่ง ไม่ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าหรือเดินเครื่องไม่เต็มศักยภาพ แต่ยังได้เงินค่าไฟฟ้าที่เรียกว่า “ค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้า” ภายใต้การซื้อขายไฟฟ้าในลักษณะสัญญาแบบ “ไม่ซื้อก็ต้องจ่าย (Take or Pay)" ซึ่งคาดว่าค่าภาระไฟฟ้าส่วนเกินนี้เป็นเงินมากถึง 49,000 ล้านบาทต่อปี
- กำลังผลิตไฟฟ้าล้นระบบอยู่แล้ว โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่จึงไม่เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ เปลี่ยนถ่ายใช้การผลิตไฟฟ้าไปให้โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPPs) ผลิตไฟฟ้าแทน จากการประมาณการค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า FT) ในช่วงเดือนพฤษภาคม–สิงหาคม ปี 2565 ค่าไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมีอัตราสูงถึง 4 บาทต่อหน่วย มีปริมาณไฟฟ้าที่ซื้อมากถึง 18,014 ล้านหน่วย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 73,261 ล้านบาท นับเป็นอัตราค่าไฟฟ้า ปริมาณซื้อไฟฟ้า และเกิดเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดในการซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนทั้งหมด นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าขนาดเล็กทั้งหมด 155 โรง ไม่ได้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดอย่างที่เข้าใจกันโดยทั่วไป แต่เป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงมากถึง 76 โรง หรือคิดเป็น 49% ของจำนวน SPPs ทั้งหมด ซึ่งมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมกันประมาณ 6,200 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็น 66% ของกำลังผลิตไฟฟ้า SPPs ทั้งหมด ขณะที่โรงไฟฟ้า SPPs พลังงานหมุนเวียนมีอยู่ 74 โรง แต่มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมกันเพียง 2,869.4 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 30% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของกลุ่ม SPPs เท่านั้น
- ก๊าซธรรมชาติที่นำมาผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ไช่ราคาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยที่มีราคาต่ำที่สุด เมื่อเปรียบเทียบราคาเนื้อก๊าซที่จำหน่ายให้แก่โรงไฟฟ้า (Pool Gas) หรือราคาก๊าซธรรมชาติของผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระจากระบบท่อกับแหล่งอื่น ๆ จะต้องใช้ราคาผสมจากทุกแหล่ง ทั้งก๊าซธรรมชาติที่ถูกแปรสภาพโดยการลดอุณหภูมิ (LNG) ที่ออกจากโรงแยกก๊าซซึ่งนำเข้าจากประเทศเมียนมา ซึ่งมีราคาขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าสถานีบริการและค่าผ่านท่อที่ขยับสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน แต่มีเพียงกลุ่มโรงแยกก๊าซธรรมชาติและกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเท่านั้นที่ได้ใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยตามราคาก๊าซธรรมชาติในประเทศ ซึ่งไม่ต้องไปรวมในราคาเนื้อก๊าซฯ จึงเป็นก๊าซธรรมชาติราคาที่ต่ำกว่าการผลิตให้ครัวเรือนใช้
- รัฐบาลยังไม่ตระหนักถึงปัญหาปริมาณไฟฟ้าสำรองที่ล้นเกินอย่างจริงจัง แทนที่รัฐจะหยุดหรือลดการรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้เกิดเป็นภาระต่อประชาชนอีก แต่ปัจจุบันรัฐยังจะเดินหน้ารับซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าในประเทศลาวเข้ามาอีก 2 โรง คือ เขื่อนไฟฟ้าหลวงพระบาง มีอัตราค่าไฟฟ้า 2.8432 บาทต่อหน่วย และเขื่อนปากแบง มีอัตราค่าไฟฟ้า 2.9179 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นอัตราค่าไฟฟ้าที่สูงกว่าอัตราค่าไฟฟ้าฐานขายส่งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ราคา 2.5683 บาทต่อหน่วย บ่งชี้ได้ว่า "ค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายให้กับสองเขื่อนนี้เป็นภาระค่า FT ของประชาชนได้ในอนาคต"
เมื่อเห็นข้อมูลแบบนี้แล้ว ปัญหาค่าไฟแพงส่วนหนึ่งมาจากค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ค่าเอฟที (FT) ที่คนไทยต้องจ่าย ถ้าลดส่วนนี้ได้จะทำให้ค่าไฟฟ้าบ้านถูกลงแน่นอน
ข้อมูลจากการไฟฟ้านครหลวง ได้วิเคราะห์เกี่ยวกับการปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศและการใช้ไฟฟ้า ว่า
"อากาศร้อนขึ้น 1 องศาเซลเซียส จะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้ไฟฟ้ามากขึ้นประมาณ 3%
ถ้าเราเปิดเครื่องปรับอากาศด้วยอุณหภูมิ 26 องศา เท่าเดิมในระยะเวลาเท่าเดิม
แต่อุณภูมินอกห้องอยู่ที่ 35 องศา เครื่องปรับอากาศก็จะกินไฟที่ 0.69 หน่วยต่อชั่วโมง
ถ้าคิดค่าไฟปัจจุบันหน่วยละ 4.72 บาท จะต้องเสียค่าไฟ 3.25 บาทต่อชั่วโมง
แต่หากอุณภูมิภายนอกเพิ่มขึ้นเป็น 41 องศา จะต้องเสียค่าไฟ 3.73 บาทต่อชั่วโมง
ยิ่งถ้าเราเปิดแอร์จำนวนชั่วโมงเพิ่มขึ้น เราก็ต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นตามรายชั่วโมงที่เพิ่มขึ้นด้วย"
เหตุผลที่เราต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้น ไม่ได้มีเพียงเท่านี้
เมื่อดูโครงสร้างค่าไฟฟ้าในปัจจุบัน (เมษายน 2566) พบว่า
- ค่าพลังงานไฟฟ้า คิดหน่วยละ 4.72 บาท
- ค่าบริการ 24.62 บาท
- ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
- ค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ เอฟที (FT) คิดหน่วยละ 93.43 สตางค์
(ค่า FT จากเดิมในช่วงปี 2559–2564 ค่า FT มีค่าติดลบ เมื่อต้นปี 2565 ค่า FT เริ่มขยับขึ้นเป็นหน่วยละ 1.39 สตางค์ เมื่อกลางปี 2565 ขยับขึ้นเป็นหน่วยละ 24.77 สตางค์ และปลายปี 2565 ขยับขึ้นเป็นหน่วยละ 93.43 สตางค์)
ถึงแม้ว่าที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เคาะค่าไฟฟ้างวด 2 ของปีนี้ (2566) เหลือหน่วยละ 4.70 บาทต่อหน่วย (โดยไม่เปิดประชาพิจารณ์ใหม่) ซึ่งจะเริ่มเก็บทันทีในเดือนพฤษภาคม 2566 นี้
รัฐควรจะยับยั้งและทบทวนการคิดค่า FT ใหม่โดยด่วนไหม
มีข้อเสนอภาคประชาชนเพื่อให้คนไทยได้ใช้ไฟฟ้าในราคาที่เป็นธรรม ดังนี้
- ต้องสนับสนุนประชาชนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในบ้าน และคิดค่าไฟแบบราคาผลิตไฟเท่ากับราคาซื้อไฟ (Net Metering)
- ต้องทำนโยบายให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ประชาชนผ่อนโซลาร์เซลล์ได้ใน 5 ปี
- ต้องกำหนดเพดานราคารับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าก๊าซเอกชนให้ไม่เกิน 3 บาทต่อหน่วย
- ต้องนำราคาก๊าซในอ่าวไทยจากปิโตรเคมีรายใหญ่ใช้มารวมอยู่ในราคาก๊าซที่โรงไฟฟ้าใช้
- หยุดเพิ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่อย่างน้อย 10 ปี เพื่อแก้ปัญหาไฟฟ้าล้นระบบ
- หยุดรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ไฟฟ้าในประเทศยังล้นระบบ
วันที่ 30 เมษายนของทุกปี เป็น "วันคุ้มครองผู้บริโภคไทย" ในฐานะผู้บริโภคไทยขอเรียกร้องให้รัฐจัดทำบริการสาธารณูปโภคพื้นฐานให้คนไทยได้ใช้ในราคาที่เป็นธรรม ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนของสังคมไทยควรตระหนักถึงความมีธรรมาภิบาลอย่างสูงสุด และต้องไม่มีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง
ติดตามรายการภูมิคุ้มกัน รายการเพื่อผู้บริโภค นำเสนอประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคทุกแง่มุม ทั้งผลดีและปัญหาผู้บริโภค เปิดให้มีการร้องเรียน สอบถามวิธีแก้ไขจากเจ้าของสินค้า หรือผู้ที่ทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค
ฟังรายการได้ทาง