นอกใจทางการเงิน อีกเรื่องร้าวรานของคู่รัก | Thai PBS Podcast | ปัญหาเรื่องการจัดการการเงินที่ไม่ลงตัว กลายเป็นประเด็นที่สร้างรอยร้าวในครอบครัวได้ การที่สามีแอบซุกเงินหรือภรรยาแอบชอปปิงออนไลน์อาจจะเป็นปัญหาเพียงเล็กน้อย แต่การมีหนี้สินที่ต่างฝ่ายไม่ได้บอกกันเป็นปัญหาใหญ่ที่อาจจะทำให้ครอบครัวพังได้

บทความ / นอกใจทางการเงิน อีกเรื่องร้าวรานของคู่รัก

Family

นอกใจทางการเงิน อีกเรื่องร้าวรานของคู่รัก

10 ส.ค. 64

1,486

รูปภาพในบทความ นอกใจทางการเงิน อีกเรื่องร้าวรานของคู่รัก

การนอกใจทางการเงิน (Financial Infidelity) เป็นคำใหม่ที่เพิ่งมีการพูดถึงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หมายถึง คู่รักหรือคู่สมรสที่ใช้เงินส่วนรวมของทั้งสองฝ่าย โดยที่ไม่บอกอีกฝ่ายหรืออาจจะโกหกเรื่องการใช้เงินส่วนนั้น

สถานการณ์ที่มักเห็นทั่วไป เช่น สามีซื้ออุปกรณ์เทคโนโลยี เครื่องเสียงราคาแพงโดยไม่บอกภรรยา ส่วนภรรยาแอบซื้อกระเป๋า เครื่องสำอางราคาแพงโดยไม่บอกสามี เป็นต้น

งานวิจัยบอกว่า คู่แต่งงานหรือคู่รักที่ใช้ชีวิตร่วมกัน มากกว่า 1 ใน 3 มีการนอกใจทางการเงินเกิดขึ้น โดยเฉพาะในคู่รักรุ่นใหม่ เนื่องจากปัจจุบันนี้มีนวัตกรรม E-Banking หรือการทำธุรกรรมออนไลน์ ทำให้หลบซ่อนง่าย การนอกใจทางการเงินถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะทำให้ความสัมพันธ์ของชีวิตคู่สั่นคลอน และอาจนำไปสู่การหย่าหรือเลิกราได้

ปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นเพราะคู่รักไม่ได้วางแผนการเงินในครอบครัวไว้ให้ดีพอ และถือว่าเป็นพฤติกรรมที่สั่งสมปัญหายาวนาน ไม่เหมือนปัญหาการนอกใจธรรมดา เพราะเมื่อเลิกราแล้วก็จบปัญหา แต่การนอกใจทางการเงิน แม้จะเลิกรากันแล้ว ก็อาจมีปัญหาเรื่องหนี้สินที่ต้องแบกรับตามมา

การนอกใจทางการเงิน มักเกิดจากคนที่ไม่ได้เป็นผู้จัดการการเงินในบ้าน เช่น สามีให้ภรรยาจัดการเรื่องเงินใช้จ่ายภายในบ้าน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเลี้ยงลูก ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ฯลฯ ทำให้สามีไม่รู้ว่าครอบครัวมีรายจ่ายมากน้อยแค่ไหน

ในขณะเดียวกัน ก็อาจเป็นมุมมองที่ต่างกันของคู่รักทั้งสองคน เช่น ฝ่ายหนึ่งคิดว่าต้องใช้เงินบ้าง ในขณะที่อีกฝ่ายมองว่าต้องเก็บเงินเท่านั้น ห้ามใช้จ่าย ก็จะทำให้ปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไข

ปัจจุบัน ทั้งฝ่ายหญิงและชายต่างก็ทำงานมีรายได้เป็นของตนเอง ดังนั้น แต่ละคนก็ควรมีเงินส่วนที่สามารถตัดสินใจใช้จ่ายได้เองที่แบ่งออกมาจากการเงินของครอบครัว คู่รักรุ่นใหม่หลายคู่ตัดปัญหาเรื่องนอกใจทางการเงินด้วยการแยกเงินกันคนละกระเป๋า ไม่เอาค่าใช้จ่ายมารวมกัน เพราะต่างก็ต้องการความเป็นอิสระในการใช้จ่าย โดยไม่ต้องมีใครมาคอยควบคุม แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อมาอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะเมื่อมีลูกก็จำเป็นที่ต้องมีการจัดการการเงินร่วมกัน

ทางออกของเรื่องนี้คือ ทั้งสองฝ่ายควรมีการวางแผนทางการเงินด้วยกันตั้งแต่ต้น คุยกันให้ชัดเจนว่าแต่ละคนมีมุมมองเรื่องการใช้จ่ายอย่างไร กำหนดข้อตกลงเรื่องการใช้จ่ายที่เป็นกองกลางเพื่อควบคุมรายจ่ายจำเป็นต่าง ๆ โดยมีการทำบัญชีครัวเรือนเพื่อให้เป็นความรับผิดชอบร่วมกัน